ธนาคารกลางสหรัฐได้ประกาศการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ผิดปกติอีกครั้งในขณะที่มันต่อสู้เพื่อควบคุมราคาที่พุ่งสูงขึ้นในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหลัก 0.75 เปอร์เซ็นต์

โดยกำหนดเป้าหมายช่วง 2.25% ถึง 2.5%ธนาคารได้เพิ่มต้นทุนการกู้ยืมตั้งแต่เดือนมีนาคมเพื่อพยายามทำให้เศรษฐกิจเย็นลงและบรรเทาเงินเฟ้อของราคาแต่ความกลัวกำลังเพิ่มขึ้น การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยรายงานล่าสุดแสดงให้เห็นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง ตลาดที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัว การเรียกร้องผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้น และการหดตัวครั้งแรกของกิจกรรมทางธุรกิจนับตั้งแต่ปี 2020

หลายคนคาดว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้จะแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกันในหลายประเทศ เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นภาวะถดถอย แม้ว่าจะมีการวัดผลในสหรัฐอเมริกาแตกต่างกันในงานแถลงข่าว นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยอมรับว่าเศรษฐกิจบางส่วนกำลังชะลอตัว

แต่กล่าวว่าธนาคารมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนต่อๆ ไป แม้ว่าจะมีความเสี่ยง โดยชี้ไปที่อัตราเงินเฟ้อที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี .”ไม่มีอะไรทำงานในระบบเศรษฐกิจหากปราศจากเสถียรภาพด้านราคา” เขากล่าว “เราต้องเห็นอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง…

นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้”การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อสู้กับเงินเฟ้ออย่างไร?อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นช่วยต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อโดยการเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม กระตุ้นให้ผู้คนและธุรกิจกู้ยืมเงินน้อยลงและใช้เงินน้อยลง ในทางทฤษฎีมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำไปสู่อุปสงค์ที่ลดลงและราคาที่เพิ่มขึ้นช้า แต่ก็หมายถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่น้อยลงด้วย

นายพาวเวลล์กล่าวว่าการชะลอตัวบางอย่าง “จำเป็น”“เราไม่ได้พยายามที่จะเกิดภาวะถดถอย และเราไม่คิดว่าเราต้องทำ” เขากล่าวเสริมแต่เมื่อการเติบโตของสหรัฐหยุดชะงักและราคาที่สูงขึ้นบีบคั้นครัวเรือนทั่วโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

ได้เตือนในสัปดาห์นี้ว่าเศรษฐกิจโลกอาจสั่นคลอนจากภาวะถดถอยบริษัทบางแห่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและที่อยู่อาศัย ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำ ได้ประกาศลดงานหรือวางแผนที่จะชะลอการจ้างงาน

โดยอ้างถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดด้วยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ธนาคารกลาง “ไม่มีทางเลือกจริงๆ” แต่จะต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ย นักเศรษฐศาสตร์ Pierre-Olivier Gourinchas ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของกองทุนการเงินระหว่างประเทศกล่าว

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางยุโรปได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่อย่างไม่คาดคิด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนธันวาคม และอีกหลายสิบประเทศได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

“ธนาคารกลางส่วนใหญ่ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด” นายกูรินชาสกล่าว “คำถามสำคัญที่รออยู่ข้างหน้าคือความเข้มงวดทางการเงินนี้จะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้เร็วเพียงใด”อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ สูงแค่ไหน?อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นเป็น 9.1%

ในเดือนที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน อาหาร และที่พักพิงที่สูงขึ้น ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด และอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2524ความพยายามในการควบคุมราคาที่เพิ่มขึ้นในขณะนั้นทำให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 15% และทำให้เศรษฐกิจตกต่ำเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี

• พนักงานบริติช แอร์เวย์ส ฮีทโธรว์ หยุดงานประท้วงช่วงซัมเมอร์ เหตุสุดวิสัย
• KT ตั้งเป้าตลาดการดูแลสุขภาพดิจิทัลของเวียดนาม

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพุธ ซึ่งเป็นครั้งที่สี่นับตั้งแต่มีนาคม จะผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยที่เฟดเรียกเก็บจากธนาคารต่างๆ ให้กู้ยืมเงินมากกว่า 2.25% ซึ่งเป็นระดับที่พบครั้งล่าสุดในปี 2019

ซึ่งสูงกว่าอัตราในช่วงหลายเดือนก่อนเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในปี 2020แต่ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนต่างคุ้นเคยกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ซึ่งแทบไม่เพิ่มขึ้นเกิน 2% นับตั้งแต่วิกฤตการเงินในปี 2551 และเฟดก็ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ โดยการเพิ่มขึ้นของวันพุธทำให้เพิ่มขึ้น 0.75 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน

“สิ่งนี้พิสูจน์ได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นหนึ่งในวงจรการเดินป่าที่ดุเดือดที่สุดที่เราเคยเห็นในทศวรรษที่ผ่านมา” Seema Shah หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของ Principal Global Investors กล่าว”การต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงในช่วง 4 ทศวรรษจะเป็นการแสดงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง”

---

อ่านบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ foxtrotexas.com อัพเดตทุกสัปดาห์